แจ้งการโอนเงิน    เลขที่บัญชี    วิธีสั่งซื้อ
 
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน     
 
 
ดูตะกร้าสินค้า
ยังไม่สินค้าอยู่ในตะกร้า
 
 
wattajuk
friendjob


** ใส่ชื่อหนังสือสั้นๆที่คุณจำได้
ค้นหา
ซื้อขายหนังสือมือสอง ฟรี
หางานสมัครงาน
จดทะเบียนบริษัท

 
  กฎหมาย,สัญญา
  การออกแบบ,ศิลปะ,สถาปัตยฯ
  การเกษตร,พืช,ต้นไม้
  การเรียนการสอน,การศึกษา
  การแพทย์,พยาบาล,โรค
  กีฬา,นันทนาการ,เกมกล
  ครอบครัว,คุณแม่,เด็ก,ลูก
  ความรู้,ข้อมูล,อ้างอิง
  คอมพิวเตอร์,ไอที
  คู่มือช่าง/วิศวกรรม
  งานฝีมือ,งานประดิษฐ์
  จิตวิทยา/พัฒนาตนเอง
  ชีวประวัติ,ประวัติคนดัง
  ตลก,ขันขำ,แปลกประหลาด
  ท่องเที่ยว,เดินทาง,แผนที่
  นวนิยายแนวชีวิตและสังคม
  นวนิยายแนววิทยาศาสตร์
  นิยาย/วรรณกรรม/เรื่องสั้น
  นิยาย/วรรณกรรมจีน/กำลังภายใน
  นิยาย/วรรณกรรมภูตผี,ปีศาจ
  นิยาย/วรรณกรรมรักโรแมนติก
  นิยาย/วรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์
  นิยาย/วรรณกรรมแปล/อิโรติก
  นิยาย/วรรณกรรมไทย/ทั่วไป
  นิยายวรรณกรรมผจญภัย/แฟนตาซี
  นิยายวรรณกรรมสืบสอบสวน
  บริหาร,จัดการ,การตลาด
  บันเทิง,ดนตรี,บทเพลง
  บ้านและสวน
  ประวัติศาสตร์
  พจนานุกรม,สารานุกรม
  พระราชนิพนธ์,หนังสือพิเศษ
  ภาษาศาสตร์
  รถยนต์,ยานพาหนะ
  รัฐศาสตร์,การเมือง,การปกครอง
  วรรณคดี,สารคดี
  วิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
  ศาสนา/ธรรมะ/ปรัชญา
  ศิลปวัฒนธรรม
  สังคมศาสตร์
  สัตว์เลี้ยง,ปศุสัตว์
  สินค้าพิเศษ
  สุขภาพ,ความงาม
  หนังสือเด็ก/เยาวชน
  อาชีพ,การทำงาน,ประสบการณ์
  อาวุธ,สงคราม,การรบ
  อาหาร/เครื่องดื่ม
  เศรษฐ์ศาสตร์/การลงทุน/หุ้น
  โหราศาสตร์/ดวง/พยากรณ์
  ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิคส์
  ไสยศาสตร์,วิญญาณ,อาถรรพ์


 
 
 
 
 
 
ประกาศ ข่าวสาร
 
ครม.เห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน

ตามที่สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ได้ผลักดันมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านให้คณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตพิจารณานั้น คณะกรรมการดังกล่าวมีมติเห็นชอบด้วย จึงได้มีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ ดังรายละเอียดในมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 17:50:42 น. ตามแนบท้าย

ครม.หนุนรักการอ่าน เปิดทางให้บุคคล-นิติบุคคล หักลดหย่อนภาษีจากซื้อหนังสือได้
ครม.เห็นชอบในหลักการออกมาตรการภาษีสนับสนุนคนไทยรักการอ่านหนังสือ เตรียมเปิดทางให้บุคคลธรรมดาหักค่าใช้จ่ายได้ 10,000 บาท/ปี ส่วนนิติบุคคลหักจากค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า ดันธุรกิจสิ่งพิมพ์อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม 0 % ช่วยให้สำนักพิมพ์สามารถขอคืนภาษีได้เต็มจำนวน ทำให้ราคาหนังสือมีโอกาสถูกลง

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2553 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้กระทรวงการคลังไปหารือกับคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำมาตรการทางภาษีเชิงรุกมาใช้เพื่อสนับสนุนการอ่าน ซึ่งกระทรวงศึกษาฯเสนอมา 3 ประเด็น คือ

1. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริจาคหนังสือ และสื่อเพื่อการศึกษาแก่หน่วยราชการ สถานศึกษา หรือองค์กรการกุศล ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยกรณีของบุคคลธรรมดาให้ยกเว้นเป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายนั้น แต่ต้องไม่เกิน 30 % ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าว

2. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการซื้อหนังสืออ่านเพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว องค์กร โดยบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกินปีละ 10,000 บาท สำหรับนิติบุคคล ให้หักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 2 เท่า

3. ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีในธุรกิจหนังสือ รวมนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เข้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0 % จะช่วยให้สำนักพิมพ์สามารถขอคืนภาษีได้เต็มจำนวน ทำให้ต้นทุนในการผลิตหนังสือมีแนวโน้มต่ำลง และราคาหนังสือมีโอกาสลดลงได้ในสัดส่วนเดียวกันและกระตุ้นการอ่านหนังสือได้มากขึ้น เข้าถึงผู้อ่านได้มากขึ้น ทำให้ธุรกิจหนังสือขยายตัวได้ง่าย

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ระบุในที่ประชุม ครม.ว่าขอดึงเรื่องนี้เข้ามาสู่การพิจารณาเอง ทั้งๆ ที่ตามกระบวนการ ทางกระทรวงศึกษาธิการจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังก่อน แต่เนื่องจากต้องการรับฟังความเห็นของครม.ว่าจะมีทิศทางอย่างไรก่อน ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข ก็ได้กล่าวสนับสนุนมาตรการนี้พร้อมระบุว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยที่ตนเป็น รมว.ศึกษาฯ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการอ่านได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง แม้จะได้แสดงความเห็นพ้องกับมาตรการนี้ โดยเฉพาะการลดหย่อนภาษีคงไม่มีปัญหา แต่ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่จะให้ธุรกิจหนังสือไม่ถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มว่าเป็นเรื่องที่มีความซ้ำซ้อนและยุ่งยากและยังเข้าใจไม่ตรงกัน จากนั้นนายกรัฐมนตรี จึงให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ แต่นายประดิษฐ์ระบุว่าไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่แต่ตนเองจะเข้าไปหารือร่วมกับคณะกรรมการที่มีอยู่แล้วของกระทรวงศึกษาฯด้วยตนเอง โดยจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปแทน และจะนำข้อสรุปมาเสนอ ครม.ภายใน 1 เดือน